วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2557

Dolls Profile

ประวัติตุ๊กตา !!

 ตุ๊กตา เป็นของเล่นสำหรับเด็ก ซึ่งอาจเป็นรูปร่างของ คน สัตว์ หรือ ตัวละครในนิยายที่ไม่มีอยู่จริง มักทำจากผ้าหรือพลาสติก โดยส่วนใหญ่นิยมทำมาในรูปแบบของเล่นมากกว่าหรือของตกตกแต่งสถานที่

ตุ๊กตาที่มีชื่อเสียง
บาร์บี้
บลายธ์
หมีเท็ดดี้
ตุ๊กตาไล่ฝน
ตุ๊กตารัสเซีย

เป็นตุ๊กตาจำลองรูปคน ส่วนมากมักจะเป็นเด็กผู้หญิง หญิงสาวหรือไม่ก็เป็นเจ้าหญิง เน้นเรื่องการแต่งตัวตามแฟชั่น สัดส่วนของตุ๊กตาจะจำลองจากขนาดของคนจริงๆ ที่ย่อขนาดลงมา 6 เท่าแต่ความสูงนั้นจะอยู่ที่ 11.5 นิ้วโดยประมาณ ผลิตโดย บริษัทแมตเทล เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 1959 (พ.ศ. 2502)

ตุ๊กตาบาร์บี้ Barbie

      เป็นตุ๊กตาที่ผลิตในฮ่องกงและวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา โดยบริษัท เค็นเนอร์ (Kenner) เมื่อ พ.ศ. 2515 ออกแบบโดยนักออกแบบของบริษัท มาร์วิน กลาส สตูดิโอ ประกอบด้วย แอลลิสัน แคตสแมน และรูเบ็น เทอร์เซียน ตุ๊กตารุ่นนี้ไม่ได้รับความนิยม จึงมีวางจำหน่ายเพียงปีเดียวในสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็ไม่ได้มีการจำหน่ายอีก ตุ๊กตาบลายธ์มีลักษณะเด่นคือ มีตากลมโตที่เปลี่ยนสีได้ โดยดึงเชือกที่อยู่ด้านหลังศีรษะตุ๊กตา มีสัดส่วนศีรษะโต ลำตัวและขาสั้น ดูเหมือนการ์ตูน ปัจจุบันบริษัท เค็นเนอร์ ได้เลิกกิจการแล้ว และลิขสิทธิ์ของตุ๊กตาบลายธ์ถือครองโดย บริษัท แฮสโบร        เป็นตุ๊กตาจำลองรูปคน ส่วนมากมักจะเป็นเด็กผู้หญิง หญิงสาวหรือไม่ก็เป็นเจ้าหญิง เน้นเรื่องการแต่งตัวตามแฟชั่น สัดส่วนของตุ๊กตาจะจำลองจากขนาดของคนจริงๆ ที่ย่อขนาดลงมา 6 เท่าแต่ความสูงนั้นจะอยู่ที่ 11.5 นิ้วโดยประมาณ 



ตุ๊กตาบลายธ์ (Blythe)

           เป็นตุ๊กตาที่ผลิตในฮ่องกงและวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา โดยบริษัท เค็นเนอร์ (Kenner) เมื่อ พ.ศ. 2515 ออกแบบโดยนักออกแบบของบริษัท มาร์วิน กลาส สตูดิโอ  ตุ๊กตารุ่นนี้ไม่ได้รับความนิยม จึงมีวางจำหน่ายเพียงปีเดียวในสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็ไม่ได้มีการจำหน่ายอีก
        ตุ๊กตาบลายธ์มีลักษณะเด่นคือ มีตากลมโตที่เปลี่ยนสีได้ โดยดึงเชือกที่อยู่ด้านหลังศีรษะตุ๊กตา มีสัดส่วนศีรษะโต ลำตัวและขาสั้น ดูเหมือนการ์ตูน  




ตุ๊กตาหรือของเล่นรูปหมีสำหรับเด็ก ซึ่งมักเป็นของขวัญโดยแฝงนัยให้เด็กมีความอดทน และเข้มแข็ง โดยเฉพาะสำหรับเด็กที่กำลังเจ็บป่วย ไม่สบาย ในปัจจุบันมีการจัดจำหน่ายเป็นคอลเล็กชั่นของหมีเท็ดดี้ และมักมีราคาแพง พิพิธภัณฑ์หมีเท็ดดี้แห่งแรกของโลกตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1984 ณ เมืองแฮมเชียร์ แคว้นอังกฤษ สหราชอาณาจักร


หมีเท็ดดี้ (Teddy bear)

        ตุ๊กตาหรือของเล่นรูปหมีสำหรับเด็ก ซึ่งมักเป็นของขวัญโดยแฝงนัยให้เด็กมีความอดทน และเข้มแข็ง โดยเฉพาะสำหรับเด็กที่กำลังเจ็บป่วย ไม่สบาย ในปัจจุบันมีการจัดจำหน่ายเป็นคอลเล็กชั่นของหมีเท็ดดี้ และมักมีราคาแพง พิพิธภัณฑ์หมีเท็ดดี้แห่งแรกของโลกตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1984 ณ เมืองแฮมเชียร์ แคว้นอังกฤษ สหราชอาณาจักร



เป็นตุ๊กตาขนาดเล็กที่ชาวญี่ปุ่นนิยมแขวนไว้ที่หน้าบ้าน ในเวลาที่ต้องการให้อากาศแจ่มใส ลักษณะของตุ๊กตาไล่ฝนเป็นตุ๊กตาผ้าสีขาว หัวกลมและมีการเขียนหน้าตา ในบางโอกาสชาวนาจะแขวนตุ๊กตาไล่ฝนกลับหัวสำหรับขอฝน ในปัจจุบันยังมีการแขวนตุ๊กตาไล่ฝนกันบ้าง โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กเล็ก คำว่า เทะรุ (てる) ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า "แดดออก" และ โบซุ (坊主) แปลว่า พระ ทำนองเป็นตุ๊กตานักบวชที่ทำขึ้นสำหรับขอพร ญี่ปุ่นได้รับธรรมเนียมนี้มาจากประเทศจีนเมื่อราวสมัยเฮอัง ประเทศจีนมีตุ๊กตาขอพรที่เป็นตุ๊กตาเด็กผู้หญิงถื ไม้กวาดอยู่ เรียกว่า 掃晴娘 เชื่อกันว่าไม้กวาดสามารถขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปได้

ตุ๊กตาไล่ฝน หรือ เทะรุเทะรุโบซุ (ญี่ปุ่น: てるてる坊主 teru-teru-bōzu )

      เป็นตุ๊กตาขนาดเล็กที่ชาวญี่ปุ่นนิยมแขวนไว้ที่หน้าบ้าน ในเวลาที่ต้องการให้อากาศแจ่มใส ลักษณะของตุ๊กตาไล่ฝนเป็นตุ๊กตาผ้าสีขาว หัวกลมและมีการเขียนหน้าตา ในบางโอกาสชาวนาจะแขวนตุ๊กตาไล่ฝนกลับหัวสำหรับขอฝน ในปัจจุบันยังมีการแขวนตุ๊กตาไล่ฝนกันบ้าง โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กเล็ก
             คำว่า เทะรุ (てる) ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า "แดดออก" และ โบซุ (坊主) แปลว่า พระ ทำนองเป็นตุ๊กตานักบวชที่ทำขึ้นสำหรับขอพร ญี่ปุ่นได้รับธรรมเนียมนี้มาจากประเทศจีนเมื่อราวสมัยเฮอัง ประเทศจีนมีตุ๊กตาขอพรที่เป็นตุ๊กตาเด็กผู้หญิงถื ไม้กวาดอยู่ เรียกว่า 掃晴娘 เชื่อกันว่าไม้กวาดสามารถขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปได้



เป็นตุ๊กตาของรัสเซียที่เรียงซ้อน ๆ กันหลายตัว ชื่อนี้แผลงมาจากชื่อสตรีภาษารัสเซีย ว่า "มาตรีโยนา" หรืออาจจะถูกเรียกว่าตุ๊กตาคุณยาย ตุ๊กตาแม่ลูกดกชุดหนึ่ง ประกอบด้วยตุ๊กตาไม้หลายตัวเรียงซ้อนกันอยู่ข้างใน แต่ละตัวประกอบด้วยสองส่วน คือส่วนบนและส่วนล่าง นำมาประกบกันได้สนิทตามร่องที่เซาะเอาไว้ ตุ๊กตาทุกตัวมีโพรงข้างใน เว้นแต่ตัวสุดท้ายซึ่งมีขนาดเล็กสุด จะเป็นตุ๊กตาเต็มตัว ตัน ชิ้นเดียว ตุ๊กตาแม่ลูกดกชุดหนึ่งจะมีตุ๊กตาซ้อนข้างในกี่ตัวก็ได้ ถ้ามีจำนวนมาก ตุ๊กตาตัวใหญ่สุดที่อยู่นอกสุดก็จะต้องมีขนาดใหญ่มากด้วย ตุ๊กตาทุกตัวจะมีรูปร่างเหมือนกันหมด คือ คล้ายกระบอก โป่งตรงกลาง ด้านบนโค้งมน ส่วนฐานเรียบ ไม่มีมือหรือส่วนใดยื่นออกมา แต่จะใช้สีวาดเป็นหน้าเป็นตาหรือขาทั้งหมด ให้ตุ๊กตาแต่ละตัวมีใบหน้าและเสื้อผ้าที่เหมือนกันด้วย ทั้งยังเคลือบเงาอย่างสวยงาม หน้าตาของตุ๊กตาแม่ลูกดกนั้นเดิมนั้นทำเป็นหญิงชาวนา แต่งกายแบบดั้งเดิม มีผ้าคลุมศีรษะ แต่ในภายหลังมีการวาดตุ๊กตาเป็นรูปเทพธิดา นางฟ้า และบุคคลที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำของรัสเซีย เช่นเลนิน ปูติน หรือจะดาราระดับตำนานอย่างมาริลิน หรือนักร้องชื่อดังอย่างไมเคิล แจ็คสัน และมาดอนน่า ไม่เว้นแม้แต่คาแรคเตอร์ของตัวละครชื่อดังอย่างหมีพูห์ มิคกี้เมาส์

ตุ๊กตาแม่ลูกดก หรือ มาโตรชก้า (รัสเซีย: матрёшка; [mɐˈtrʲoʂkə])

          เป็นตุ๊กตาของรัสเซียที่เรียงซ้อน ๆ กันหลายตัว ชื่อนี้แผลงมาจากชื่อสตรีภาษารัสเซีย ว่า "มาตรีโยนา" หรืออาจจะถูกเรียกว่าตุ๊กตาคุณยาย
        ตุ๊กตาแม่ลูกดกชุดหนึ่ง ประกอบด้วยตุ๊กตาไม้หลายตัวเรียงซ้อนกันอยู่ข้างใน แต่ละตัวประกอบด้วยสองส่วน คือส่วนบนและส่วนล่าง นำมาประกบกันได้สนิทตามร่องที่เซาะเอาไว้ ตุ๊กตาทุกตัวมีโพรงข้างใน เว้นแต่ตัวสุดท้ายซึ่งมีขนาดเล็กสุด จะเป็นตุ๊กตาเต็มตัว ตัน ชิ้นเดียว ตุ๊กตาแม่ลูกดกชุดหนึ่งจะมีตุ๊กตาซ้อนข้างในกี่ตัวก็ได้ ตุ๊กตาทุกตัวจะมีรูปร่างเหมือนกันหมด คือ คล้ายกระบอก โป่งตรงกลาง ด้านบนโค้งมน ส่วนฐานเรียบ ไม่มีมือหรือส่วนใดยื่นออกมา แต่จะใช้สีวาดเป็นหน้าเป็นตาหรือขาทั้งหมด ให้ตุ๊กตาแต่ละตัวมีใบหน้าและเสื้อผ้าที่เหมือนกันด้วย ทั้งยังเคลือบเงาอย่างสวยงาม หน้าตาของตุ๊กตาแม่ลูกดกนั้นเดิมนั้นทำเป็นหญิงชาวนา แต่งกายแบบดั้งเดิม มีผ้าคลุมศีรษะ

ตุ๊กตาหมี เท็ดดี้แบร์




วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2557

ความเป็นมาของ เทดดี้แบร์

เรื่องราวในสหรัฐอเมริกาเล่ากันว่า เทดดี้แบร์มาจากการวาดของนักเขียนการ์ตูนล้อการเมืองที่ชื่อ คลิฟฟอร์ด เบอร์รีแมน วาดภาพที่ชื่อว่า "Drawing the Line in Mississippi" เป็นภาพประธานาธิบดี ธีโอดอร์ รูสเวลท์ ปฏิเสธจะยิงลูกหมีที่ถูกจับล่ามเอาไว้กับต้นไม้ ตามเรื่องราวที่เล่ากันมาบอกว่า ประธานาธิบดีรูสเวลท์ เดินทางไปมลรัฐมิสซิสซิปปี้เพื่อช่วยเจรจาแบ่งเส้นพรมแดนที่มีปัญหากับรัฐลุยส์เซียน่า และเจ้าภาพให้การต้อนรับผู้นำของประเทศโดยชวนไปล่าหมีในป่า แต่โชคร้ายที่ไม่พบหมีให้ล่า จึงมีคนหัวใสนำเอาลูกหมีมาให้ แต่ประธานาธิบดีปฏิเสธที่จะยิงหมีที่ถูกล่ามเช่นนั้น ทำให้นายเบอร์รีแมนนักวาดภาพการ์ตูนประทับใจจึงวาดภาพนี้ขึ้นมา

การ์ตูนปรากฏใน เดอะวอชิงตันโพสต์ ฉบับวันที่ 16 พฤศจิกายน 1902 และเป็นที่กล่าวขวัญกันมาก เป็นแรงบันดาลใจให้สามีภรรยาที่ชื่อ มอร์ริส และโรส มิชทอมส์ ซึ่งอยู่ในนิวยอร์คทำ ตุ๊กตาหมี ขึ้น เพื่อยกย่องการกระทำของประธานาธิบดีรูสเวลท์ ครอบครัวมิชทอมส์ตั้งชื่อ ตุ๊กตาหมี ของตนว่า “ เทดดี้แบร์ ” มาจาก เทดดี้ อันเป็นชื่อเล่นของ ธีโอดอร์ รูสเวลท์ และนำวางโชว์ที่ตู้กระจกหน้าร้านขายลูกกวาดและเครื่องเขียนของตน ตุ๊กตาที่วางโชว์หน้าร้านตัวนี้ ต่างจาก ตุ๊กตาหมี ที่เคยทำกันมาซึ่งมักจะมีหน้าตาดุร้าย และยืนสี่ขาเหมือนกับหมีจริง แต่หมีของครอบครัวมิชทอมส์เป็นลูกหมีดูน่ารัก ไร้เดียงสา ยืนตัวตรงเหมือนหมีในการ์ตูนของเบอร์รี่แมน นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ ตุ๊กตาหมี “ เทดดี้แบร์ ” ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนครอบครัวมิชทอมส์สามารถตั้งโรงงานผลิต ตุ๊กตาหมี ขึ้นเป็นครั้งแรกในอเมริกา ที่ชื่อว่า Ideal Novelty and Toy



ขณะเดียวกัน อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร ริชาร์ด ชไตฟ์ ชายหนุ่มผู้ทำงานกับป้า มาร์กาเร็ตเท ชไตฟ์ ( Margarete Steiff) นักธุรกิจของเล่นเด็กในเยอรมัน ริชาร์ดเรียนมาทางด้านศิลปะ เขาชอบวาดรูป และไปที่สวนสัตว์ในสตุตการ์ตบ่อย ๆ เชไตฟ์ จะทำตุ๊กตาหมี ในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ขณะนั้นการสื่อสารยังไม่เจริญเท่าใด ทั้งคู่จึงไม่ล่วงรู้ถึงความคิดสร้างสรรค์ของกันและกันตุ๊กตาหมี ของมิชทอมส์เป็นลูกหมีตาโต ตามการ์ตูนที่วาดโดยเบอร์รี่แมน ส่วนของหมีชไตฟ์มีลักษณะหลังค่อม จมูกยาว ดูเหมือนลูกหมีจริง ๆ มากกว่า

ไม่นานหลังจากนั้น เดือนมีนาคมปี 1903 ในงานแสดงของเล่น เมืองลิปซิกในเยอรมัน ชไตฟ์เปิดตัว ตุ๊กตาหมี ครั้งแรกในงานนี้ แต่พ่อค้าชาวยุโรปไม่ค่อยให้ความสนใจนัก ตรงกันข้ามพ่อค้าของเล่นชาวอเมริกัน ซึ่งรู้ว่าชาวอเมริกันกำลังสนใจ “ เทดดี้แบร์ ” จึงสั่งซื้อทีเดียว 3,000 ตัว ชไตฟ์จึงเข้าสู่ตลาดอเมริกาในจังหวะและโอกาสที่เหมาะสมอย่างที่สุด

ความคลั่งไคล้เทดดี้แบร์


ปี 1906 ความคลั่งไคล้ ตุ๊กตาหมี เทดดีแบร์ของคนอเมริกันถึงขีดสุด พอ ๆ กับความนิยมตุ๊กตาหัวกะหล่ำปลี (Cabbage Patch Kid) ในทศวรรษปี 1980 และตุ๊กตาบีนนี่บาบี้ (Beanie Babie) ในทศวรรษปี 1990 เวลานั้นสาว ๆ ถือ ตุ๊กตาหมี กันไปทุกหนแห่ง เด็กๆ นิยมถ่ายรูปคู่กับตุ๊กตาเทดดี้แบร์ ประธานาธิบดีรูสเวลต์ ใช้ ตุ๊กตาหมี เป็นสัญญลักษณ์ในการหาเสียงเลือกตั้งจนได้เป็นประธานาธิบดีในสมัยที่สอง ซีมัวร์ อีตัน นักการศึกษาและคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์เขียนหนังสือชุดสำหรับเด็กเกี่ยวกับการผจญภัยของหมีที่ชื่อรูสเวลต์ นักแต่งเพลงชาวอเมริกันชื่อ เจ . เค . แบรตตัน แต่งเพลง “The Teddy Bear Two Step” ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นชื่อ “The Teddy Bear's Picnic” ซึ่งยังคงร้องกันมาจนถึงทุกวันนี้

ผู้ผลิต ตุ๊กตาหมี ในอเมริกาทำ ตุ๊กตาหมี ออกมาทุกสีสันและทุกประเภท ตั้งแต่ ตุ๊กตาหมี บนรองเท้าสเก็ตน้ำแข็ง ไปจนถึง ตุ๊กตาหมี ที่มีตาเป็นหลอดไฟ คำว่า “ เทดดี้แบร์ ” กลายเป็นคำซึ่งเป็นที่เข้าใจกันว่าหมายถึง ตุ๊กตาหมี แม้กระทั่งชไตฟ์ผู้ผลิต ตุ๊กตาหมี ในเยอรมัน ก็รับเอาคำนี้ในการเรียก ตุ๊กตาหมี ของตน

ไม่ใช่เพียงบริษัทสตีฟและบริษัทไอเดียลเท่านั้นที่อยู่ในธุรกิจนี้ แต่มีบริษัทอีกนับสิบบริษัทในอเมริกาที่เปิดกันขึ้นมาในยุคนั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ปิดกิจการในเวลาต่อมา เหลือเพียงบริษัท กันด์แมนูแฟคเจอริ่ง ที่ก่อตั้งในปี 1906 และยังคงทำ ตุ๊กตาหมี มาถึงปัจจุบัน



บริษัทผู้ผลิตเทดดี้แบร์ของอเมริกาเผชิญหน้ากับการแข่งขันจาก ตุ๊กตาหมี เยอรมัน ซึ่งผู้ผลิตส่วนใหญ่ของเยอรมันเป็นบริษัทเก่าแก่และมั่นคง หลายบริษัทร่วมมือกับเสตียฟในการทำตุ๊กตาหมี ที่มีคุณภาพออกมา อย่างเช่น บิง , ชูโก , และ เฮอร์มาน เป็นต้น ทำให้บริษัทอเมริกันจำนวนมากสู้ไม่ได้ ต้องปิดกิจการไป

ในอังกฤษมีบริษัท เจ . เค . ฟาร์เนลแอนด์โค ที่เป็นต้นกำเนิดของ วินนี่เดอะพูห์ ซึ่งคริสโตเฟอร์ โรบิน ไมล์นได้รับเป็นของขวัญวันเกิดจากคุณแม่ในปี 1921 ห้าปีต่อมาพ่อของเขา เอ . เอ . ไมล์นพิมพ์หนังสือเรื่อง วินนี่เดอะพูห์ ออกจำหน่าย เป็นเรื่องการผจญภัยของลูกชายที่ชื่อคริสโตเฟอร์ โรบินกับ วินนี่เดอะพูห์ และเพื่อนตุ๊กตาสัตว์อื่น ๆ ทุกวันนี้เราสามารถชมตุ๊กตาของจริงที่เป็นแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่อง วินนี่เดอะพูห์ ได้ที่ห้องเซ็นทรัลชิลเดร็นของห้องสมุดสาธารณะนิวยอร์คสาขาดอนเนลล์ ในขณะที่หนังสือ วินนี่เดอะพูห์ ก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย
 
การชะงักงันในการผลิต ตุ๊กตาหมี ในยุโรป อันเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ยาวนานถึง 4 ปี ทำให้ตุ๊กตาหมี ส่วนใหญ่ยังนิยมทำด้วยมือที่มีคุณภาพดี มายาวนานถึง 25 ปี สงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้ ตุ๊กตาหมี จากเยอรมันหยุดการผลิต จึงมีโรงงาน ตุ๊กตาหมี ใหม่ ๆ เกิดขึ้น เช่น ชาดเวลเล่ย์ , ชิลเทิร์น และดีน ร่วมมือกับ ฟาร์เนลล์ในอังกฤษ พินเทล และ ฟาดาป ตั้งขึ้นในฝรั่งเศส จอยทอยส์ ในออสเตรเลีย เป็นต้น วัสดุที่ใช้ในการทำตุ๊กตามีการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน ตาที่ทำด้วยปุ่มรองเท้าบูต เปลี่ยนเป็นตาที่ทำจากแก้ว วัสดุที่ใช้บรรจุในตัวตุ๊กตาเปลี่ยนจากนุ่นเป็นวัสดุอย่างอื่นที่นุ่มกว่า



อเมริกาไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากสงคราม อุตสาหกรรม ตุ๊กตาหมี จึงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น บริษัท นิคเกอร์บ็อคเกอร์ ก่อตั้งในปี 1920 ก็ยังคงทำตุ๊กตาเทดดี้แบร์มาจนถึงทุกวันนี้

เก้าปีต่อมาแม้ว่าอเมริกาจะมีภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และผู้ผลิต ตุ๊กตาหมี ส่วนใหญ่ประสบปัญหาการเงิน หลังจากปี 1929 บริษัทในอเมริกาจำนวนมากถ้าไม่หาวิธีทำ ตุ๊กตาหมี ด้วยต้นทุนที่ถูกลง ก็ต้องปิดตัวเองไป

ในระหว่างทศวรรษปี 1920-1930 หมีที่มีเสียงดนตรี และหมีไขลานเป็นที่นิยมกันมาก มีการผลิตกันทั่วโลก บริษัทที่ขายดีที่สุดอาจจะเป็นบริษัทเยอรมันสองบริษัทที่ชื่อ ชูโก และ บิง สองบริษัทนี้ทำทั้ง หมีที่เดินได้ เต้นรำได้ เล่นลูกบอล และแม้กระทั่งหมีตีลังกา

แต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1939 ทำให้ธุรกิจตุ๊กตาหมี ชะงักงันลงอีก แทนที่คนงานจะผลิตตุ๊กตา ต้องไปผลิตยุทธปัจจัยสำหรับสงครามแทน บางบริษัทปิดตัวเองลงและไม่เคยเปิดอีกเลย

ความเปลี่ยนแปลงหลังปี 1950


ขณะที่ผู้ผลิตเทดดี้แบร์ดั้งเดิมยังคงภูมิใจกับตุ๊กตาที่เย็บด้วยมือ และเส้นใยจากธรรมชาติ แต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้ผลิตเหล่านี้ถูก ท้าทายด้วยความต้องการของลูกค้าที่ต้องการตุ๊กตาที่ซักได้ ตุ๊กตาที่ทำด้วยใยสังเคราะห์จึงเป็นที่นิยม ผู้ซื้อชอบแนวความคิดเรื่องตุ๊กตาซักได้ ตุ๊กตาหมี หลังสงครามโลกครั้งที่สองจึงถูกทำด้วยผ้าไนลอนหรือผ้าอะครีลิกเป็นส่วนใหญ่ ตาทำด้วยพลาสติก และยัดตัวหมีด้วยฟองน้ำ

ความนิยมที่หวนคืน


น่าแปลกที่ผู้ทำให้ความนิยมเทดดี้แบร์กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่กลายเป็นสินค้าอุตสาหกรรมไปแล้ว กลับไม่ใช่เป็นผู้ผลิต แต่เป็นนักแสดงละครโทรทัศน์ที่ชื่อปีเตอร์ บูลของอังกฤษ ซึ่งเผยความรักที่เขามีต่อเทดดี้แบร์ และความเชื่อของเขาที่ว่าเทดดี้แบร์มีความสำคัญต่ออารมณ์ของผู้ใหญ่เช่นเดียวกัน ภายหลังจากเขาได้รับจดหมายถึง 2,000 ฉบับแสดงความเห็นด้วยกับการที่เขาเปิดเผยความรู้สึกต่อสาธารณะ ปีเตอร์รู้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกเช่นนี้แต่เพียงลำพัง แรงบันดาลใจจากจดหมายเหล่านั้นทำให้เขาเขียนหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง เล่าประสบการณ์ของเทดดี้แบร์ที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของเขา หนังสือชื่อว่า หมีกับฉัน ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็น “ เทดดี้แบร์บุ้ค ” ปรากฏว่าหนังสือของเขาตรงกับความรู้สึกของคนอีกหลายพัน ที่เชื่อว่าเทดดี้แบร์มีอิทธิพลต่ออารมณ์ของตนเช่นเดียวกัน ปีเตอร์ บูลสร้างกระแสความนิยมเทดดี้แบร์ให้กลับมาอีกครั้งโดยมิได้ตั้งใจ แม้จะไม่ได้มากเท่ากับสมัยที่เป็นความนิยมในฐานะของเล่นเด็ก แต่กลายเป็นความนิยมในฐานะของสะสมสำหรับผู้ใหญ่ เทดดี้แบร์ ในวันนี้จึง “ ไม่ใช่ของเล่น ” สำหรับเด็กอีกต่อไป
 


ปี 1974 เบเวอร์ลี พอร์ต นักทำตุ๊กตาชาวอเมริกัน ผู้ชื่นชอบการทำ ตุ๊กตาหมี เธอนำตุ๊กตาหมี ฝีมือของเธอไปในงานแสดงตุ๊กตา ตุ๊กตาที่ชื่อ ธีโอดอร์ บี . แบร์ คล้องแขนกับตุ๊กตาอีกตัวหนึ่งไปแสดงในงาน ปีต่อมา เบเวอร์ลี นำภาพสไลด์ที่เธอสาธิตการทำ ตุ๊กตาหมี ให้กับชมรมตุ๊กตาของสหรัฐมาฉาย การสาธิตของเธอสร้างความตื่นเต้นและตื่นตัวให้กับผู้ชมเป็นอันมาก ความตื่นตัวเริ่มต้นจากสหรัฐอเมริกาแล้วก็ขยายออกไปทั่วโลก ผู้คนจำนวนมากได้รับอิทธิพลทางความคิดจากเบเวอร์ลี เริ่มแสดงความสามารถในการออกแบบ และตัดเย็บ ตุ๊กตาหมี ด้วยตนเองขึ้น นักออกแบบเทดดี้แบร์เกิดขึ้นมาคนแล้วคนเล่า ด้วยแรงบันดาลใจที่ได้รับจากเบเวอร์ลี ผู้สร้างคำว่า “ ศิลปินเทดดี้แบร์ ” ขึ้นมา และถูกยกย่องว่าเป็นมารดาแห่ง ศิลปะเทดดี้แบร์ ทุกวันนี้ศิลปินเทดดี้แบร์หลายพันคนทั่วโลก สร้างสรรค์ผลงานจากในบ้าน ไปสู่มือนักสะสมผู้ชื่นชมหมีน้อยที่น่ารักและอบอุ่น

ปัจจุบันศิลปิน ตุ๊กตาหมี สร้างสรรค์งานออกแบบให้กับผู้ผลิตแบบอุตสาหกรรม เพื่อให้นักสะสมมีโอกาสสะสมตุ๊กตาจากนักออกแบบ ในราคาที่ถูกลง อันเนื่องมาจากการผลิตเป็นจำนวนมากนั่นเอง

ความนิยมใน ตุ๊กตาหมี เพิ่มมากขึ้นในฐานะเป็นของสะสมสำหรับผู้ใหญ่ ทำให้ราคา ตุ๊กตาหมี โบราณ ที่ทำด้วยมือ และคุณภาพดี ซึ่งกันทำในช่วงต้นของศตวรรษที่ 20 มีค่าสูงขึ้น ตุ๊กตาหมี โบราณที่ผลิตขึ้นในทศวรรษปี 1970 และ 1980 นำออกแสดงในงานประมูลตุ๊กตาและของเล่นโบราณกันมากขึ้น และราคาในการประมูลก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ ราคาประมูลสูงสุดที่เคยมีการบันทึกคือในปี 1994 มีราคาสูงถึง 176,000 ดอลล่าร์ เป็นหมีที่ผลิตในเยอรมันโดยบริษัท ชไตฟ์ การประมูลกระทำกันที่ สถาบันการประมูลคริสตี้ ในสหรัฐอเมริกา

ถึงวันนี้ ยังไม่มีสัญญาณอะไรที่บ่งบอกว่าความนิยมในเทดดี้แบร์จะลดน้อยถอยลง ในปี 1999 เฉพาะสหรัฐอเมริกาประเทศเดียวตัวเลขการใช้จ่ายที่นักสะสมควักเงินซื้อ ตุ๊กตาหมี สูงถึง 441 ล้านดอลล่าร์

ขณะนี้เรากำลังย่างสู่ศตวรรษที่ 21 และดูเหมือนว่าความต้องการ ตุ๊กตาหมี เป็น ของขวัญ เพื่อสื่อแทนความรัก ความเข้าใจ ความอบอุ่น และการยอมรับมีมากขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด

อ้างอิง : http://www.fourbears2002.com/

วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557

วิธีเก็บรักษา ตุ๊กตาหมี

วิธีเก็บรักษา ตุ๊กตาหมี


ผู้ที่ชอบสะสมตุ๊กตาหมีมักจะมีตุ๊กตาหมี สะสมเอาไว้หลายตัว บางทีก็หมุนเวียนกันนำมาชื่นชม ตามแต่ว่าจะคิดถึงตัวไหน บางตัวก็ต้องการเก็บเอาไว้ จะได้ชื่นชมกันนาน ๆ ดิฉันมีวิธีเก็บรักษาตุ๊กตาหมีที่อยากจะแนะนำดังนี้ค่ะ

           • ก่อนที่จะนำไปเก็บ แนะนำให้ห่อหรือบรรจุไว้ในถุงเสียก่อน เพื่อป้องกันฝุ่น แมลง หรือแม้กระทั่งสารเคมีที่อาจทำให้ผ้า หรือสีของขนหมีเปลี่ยนไปได้

           • วัสดุที่ราจะนำมาห่อ หรือทำเป็นถุง ดิฉันแนะนำให้เป็นผ้าฝ้าย ไม่ควรใช้ถุงพลาสติกเด็ดขาด เหตุที่แนะนำให้เป็นผ้าฝ้ายนั้น ก็เพราะผ้าฝ้ายถ่ายเทอากาศได้ดี ไม่ทำให้อับ เพราะหากมีความชื้นอยู่ภายในจะทำให้มีกลิ่น หรือขึ้นราได้

           • ผ้าฝ้ายที่นำมาห่อหรือเป็นถุงนั้น ควรซักเสียก่อน อย่าใช้ผ้าฝ้ายใหม่ ๆ ที่ยังไม่ได้ซักเพราะจะมีสารเคมีตกค้างอยู่ นอกจากนี้เมื่อซักด้วยน้ำสบู่ หรือผงซักฟอก ก็จะต้องล้างน้ำให้สะอาด อย่าให้คราบผงซักฟอกค้างอยู่
แค่นี้แหละค่ะ เราก็สามารถเก็บตุ๊กตาหมีไว้ชื่นชมหลาย ๆ ปี ได้แล้ว


วิธีทำความสะอาดขนตุ๊กตาหมี


           ตุ๊กตาหมีสมัยนี้เราสามารถทำความสะอาดกันด้วยน้ำได้แล้ว เพราะฉะนั้นอย่ากังวลว่าการทำความสะอาดตุ๊กตาหมีด้วยน้ำแล้วจะทำให้ตุ๊กตาหมี ที่แสนหวงของเราจะเสียหาย เพียงแต่ต้องมีวิธีการทำความสะอาดที่ถูกต้องเท่านั้น
            ที่สำคัญนะคะวงการแพทย์ยังเคยเตือนว่าให้ระวังเชื้อโรคที่อาจจะสะสมอยู่ในตัวตุ๊กตาหมี ซึ่งมีขนฟูทำให้เชื้อโรคและฝุ่นละออง เข้าไปแทรกอยู่ในตัวตุ๊กตาหมี ของเราได้ เพื่อที่จะทะนุถนอมตุ๊กตาหมีของเรา ให้ได้ชื่นชมกันนาน ๆ เวลาจะทำความสะอาดตุ๊กตาหมีลองปฏิบัติตามคำแนะนำนี้ดูนะคะ

           • เตรียมน้ำอุ่นใส่กะละมังขนาดพอเหมาะ ผสมแชมพูอย่างอ่อนสำหรับเด็ก

           • ตีน้ำให้ขึ้นฟอง จนแชมพูผสมเข้ากับน้ำดีแล้ว

           • ใช้ฟองน้ำหรือผ้านุ่ม ๆ ชุบน้ำผสมแชมพู ถูเบา ๆ กับขนตุ๊กตาหมีให้ทั่ว ตรงไหนเปื้อนมากให้ใช้แปรงขนอ่อน สำหรับเด็ก หรือแปรงสีฟันขนอ่อน แปรงให้ทั่วบริเวณเปื้อน

           • ระวังอย่าถูแรงเกินไปนะคะ เพราะจะทำให้ขนตุ๊กตาหลุดได้

           • หลังจากซักเสร็จแล้ว เอาน้ำอุ่นใส่กะละมังใบเล็ก ผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มเล็กน้อย นำฟองน้ำหรือผ้าชุบน้ำที่เตรียมไว้ บิดให้หมาด นำไปเช็ดตามขนให้ทั่ว เพื่อซับเอาแชมพูออก

           • หลังจากนั้น เอาผ้าขนหนูที่แห้งสนิท เช็ดตามตัวหมีเบา ๆ จนขนแห้ง นำตุ๊กตาไปผึ่งบนตะแกรงที่ลมโกรกสะดวก ทิ้งไว้ในที่ร่มจนแห้ง



           • กรณีที่รีบด่วน ใช้ที่เป่าผมมาเป่า ตั้งความร้อนไว้ต่ำสุด และห่างจากตัวหมีอย่างน้อย 30 เซนติเมตรก็จะไม่เป็นอันตรายต่อขนของตุ๊กตาค่ะ